วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

นายเรวัติ น้อยวิจิตร 1 เมษายน 2559 ครบรอบ 55 ปี ชีวิตมีสุข



        ผ่านไปอีก 1 ปี  กับชีวิตและการเดินทาง  ของลูกผู้ชายคนหนึ่ง  ที่มีความฝัน  แล้วก็เดินตามฝัน  วันนี้ต้องบอกว่า .. ชีวิตมีสุข   






       ที่ว่าชีวิตมีสุข  แท้ที่จริง เกิดจากการมองภาพในอนาคตว่า ทุกอย่างที่เป็นความรับผิดชอบ ได้มีจุดหมายปลายทาง ที่พอใจแล้ว ตัวเองมีเพื่อนพ้อง คบค้าจริงใจมากมาย  มีรายได้จากการทำงานอิสระ พอเลี้ยงชีพ ได้สร้างประโยชน์แก่สาธารณะในงานด้านสื่อฯ ท้องถิ่น ทั้งหนังสือพิมพ์ และ เว็บไซต์ข่าว  ครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ที่มั่นคง มีอาชีพทำกินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ตามสมควร ไม่เป็นภาระของใคร  ภรรยา และ ลูกชายคนโต เป็นหัวแรงสำคัญในธุรกิจครอบครัว โดยเฉพาะที่ร้านพิซซ่าไทย สุพรรณภูมิ 








          ลูกชายคนโต บวชเรียนแล้ว  ที่วัดหลวงพ่อสด  อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี  ไปรถตู้คันเดียว ง่าย สะดวกดี รับญาติผู้ใหญ่ไป มีเพื่อนสนิท 4-5 คนร่วมงาน หลังสึกจากพระ ก็ไปเป็นทหาร รับใช้ชาติ อยู่ 2 ปี ปลดจากทหาร  สอบนายสิบได้ แต่เจ้าตัวไม่อยากเป็น  อยากกลับมาช่วยแม่ ที่ร้านพิซซ่าไทย เราเองก็ตามใจ   




          ลูกสาวคนรอง กำลังจะจบการศึกษา ในเทอมนี้ เขาเป็นคนเก่ง ขยัน ทำงานหารายได้เองระหว่างเรียน  เลิกเรียนก็ไปสวนจตุจักร เลือกซื้อเสื้อผ้า มาลงขายใน เฟสบุ๊ก อาจารย์รับงานนอกมา ก็ไปรับจ้างทำ ตั้งแต่ขัดเหล็ก นับจำนวนรถ สารพัด มีเงินเก็บส่วนตัว  เขาอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น เราเองก็ถามว่า มีตังค์ยัง เขาบอกว่ามีแล้ว เลยแนะนำว่างั้นต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่น เขาก็ไปเรียน กำลังจะจบวิศวะ ที่บางมด น่าจะได้เกียรตินิยม เพราะคะแนนเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน เกียรตินิยมอยู่  สอบเข้างานได้แล้วหลายที่ รอการเรียกตัวอยู่ แค่นี้ เราในฐานะพ่อ ก็พอใจว่า ลูกคนนี้ จะไม่เป็นภาระของใครแน่  





          ส่วนลูกชายคนเล็ก  เขาชอบงานสังคมสงเคราะห์ ตอนนี้เรียนอยู่ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ที่ธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2  คนนี้เก่งภาษาอังกฤษ จบมอหกจากกรรณสูต มีดีกรีเป็นที่หนึ่ง ในการสอบวิชาภาษาอังกฤษ จาก บริษัทเสริมปัญญา ระดับชั้นมอหก ประจำปี 2556 ของจังหวัดสุพรรณบุรี แต่อยากทำงานด้านสังคม  เราก็ตามใจ ไปอยู่ธรรมศาสตร์ ก็อยู่คณะงิ้ว ธรรมศาสตร์  เป็นตัวผู้นำ เราก็คอยเตือนเสมอๆว่า ระวังตัวนะ งิ้วธรรมศาสตร์ เป็นงิ้วการเมือง  อย่ายืนใกล้อาจารย์ จะโดนอุ้มไปด้วย แต่เมื่อเขาชอบ เราก็ตามใจ  ไปออกงานภาคสนามบ่อย แต่ที่หนักคือต้องซ้อมทุกวันๆละ 4-5 ชั่วโมง  ช่วงตรุษจีน  ก็ได้รับเชิญไปแสดง ตามงานต่างๆ เมื่อเดือนที่ผ่านมา อบจ.น่าน ก็เชิญไปแสดง 









        วันนี้ ตื่นนอนตอนเช้า  ประมาณ ตีห้า  ตีห้ายี่สิบ  พี่สาวคนโต นิตยา น้อยวิจิตร ไลน์มาอวยพรวันเกิด  รีบอาบน้ำแต่งตัวจะไปใส่บาตร มีภรรยาสุดที่รัก ไปด้วย ถึงบางปลาม้า ประมาณเกือบๆหกโมงเช้า พบนายอำเภอประพันธ์ กับคุณนายสุเทียม บุญคุ้ม  นายทัก เรวัติ มาใส่บาตรวันเกิดเหรอ แค่นี้เราก็รู้สึกได้ถึงความเอ็นดูที่นายมีต่อเรา ผมตอบไปครับนาย แล้วเราก็ใส่บาตรกัน  นายใส่เกือบทุกวัดที่มารับบิณฑบาตร เริ่มจาก หลวงพ่อวัดกลาง พระวิมลภาวนานุสิฐ วิ. (ประสาท ปณฺฑิโต) เห็นว่า 88 แล้วแต่ยังแข็งแรงมาก  เราเองก็ใส่ตามนายไปด้วย  พอนายกลับ เราก็ไปรอใส่บาตรต่อที่ร้านกุ่ยหมง กับ เฮียเอี้ยง พี่ชายที่น่ารัก ที่จะมารอใส่บาตรทุกวัน เฮียทักทายเรา บอกเอากาแฟไหมเดี๋ยวเฮียจะไปชงให้ เราปฏิเสธไป เพราะอยากใส่บาตรกันมากกว่า กิจกรรมเช้าวันนี้ เสร็จสิ้นประมาณหกโมงเศษๆ จึงเดินทางกลับบ้าน ที่ตลาดคอวัง










          มาถึงบ้าน  กรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศล ให้ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์  เจ้ากรรมนายเวร  แล้วจึงเริ่มกิจวัตรประจำวัน กวาดใบไม้รอบๆบ้าน รดน้ำต้นไม้  คุณแม่ตั้งข้าวหมา  เอาเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้า   คุณลูกชาย ออกหาปลา  เขาชอบตกปลา เมื่อวาน คุณแม่เพิ่งจะซื้อเสื้อสำหรับใส่ตกปลาตัวใหม่ให้ ราคา 1300 บาท แขนยาว เจ้าตัวก็ชอบใจ  เจ็ดโมงครึ่ง คุณแม่เสร็จภารกิจในบ้าน แต่งตัวพร้อมออกกำลังกาย ออกมาจากข้างในบ้าน  บอกพร้อมแล้ว  แล้วเราก็ออกไปเดินกัน ประมาณ 2 กิโลเมตร จากบ้านไปตลาดคอวัง เพื่อซื้อหนังสือพิมพ์  น้ำเต้าหู้  กลับจากตลาดคอวัง  เราก็มารดน้ำต้นไม้ต่อ  คุณแม่เอาเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้า  ให้ข้าวหมา  กินน้ำเต้าหู้กัน อ่านหนังสือพิมพ์ ประมาณ แปดโมงครึ่ง ก็อาบน้ำแต่งตัว เพื่อมาที่ร้านพิซซ่าไทย  











             กิจการของครอบครัวเรา ที่เลือกแล้วว่า ลงทุนน้อย ไม่ยุ่งยาก เด็กๆชอบกิน  เก้าโมงเช้าออกจากบ้าน ถึงร้านประมาณ เก้าโมงครึ่ง  คุณแม่ อุ่นกับข้าว เพื่อกินข้าวเช้ากัน บางวันก็ทำเอง  บางวันก็แวะที่ตลาดบางปลาม้า ซื้อมากิน ส่วนข้าวหุงและเก็บใส่ตู้เย็นไว้ จะกินก็เอาออกมาใส่ไมโครเวฟ   มาถึงร้านเราเองก็จัดร้าน เพื่อเตรียมขายพิซซ่าไทย  ช่วงเช้าๆจะยังไม่ค่อยมีลูกค้า  มีเวลากินข้าว  กินกาแฟ  ดูทีวี รายการที่ดูประจำ ก็จะเป็นพวกรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง  ช่อง 23 ทีเด็ดลูกหนี้ ช่อง 3  รายการอาหาร ฯลฯ คุณลูกชายจะมาถึงร้านประมาณ สิบโมง ตามเวลาร้านเปิด  วันนี้ ได้ปลาช่อนตัวใหญ่ ประมาณ สองโลได้ เลยถามว่าฉลองเสื้อใหม่เหรอ เขาก็หัวเราะ  บอกตัวเล็กๆปล่อยไป เอามาตัวเดียว  คุณแม่ถามวันนี้อยากกินอะไร  คุณลูกบอก ผัดผักคึ่นฉ่าย ดีไหม คุณแม่ตอบตกลง แล้วบอกเอาหัวต้มยำนะ  นี่คือรายการอาหาร กลางวัน หรืออาหารเย็น  แล้วแต่จังหวะว่าง  ถ้าไม่ยุ่งมาก ก็ทำกินกันตอนกลางวัน  ถ้าลูกค้าเยอะ ยุ่งมาก ก็ทำกินกันตอนเย็น









         หลังอาหารเช้า สองแม่ลูกก็มีหน้าที่ ขายพิซซ่าไทยกัน  ที่ร้านจะมีพิซซ่า 11 หน้า ให้ลูกค้าเลือก มีขนาดเล็ก ถึงขนาดใหญ่ ราคา เริ่มตั้งแต่  49 บาท จนถึง 149 บาท  มีเฟรนฟราย ไก่สไปซี่  ไก่กรอบทรงเครื่อง  นักเก็ตไก่  ไก่ทวิตเตอร์  พร้อมไอศกรีมหนองโพ อีกด้วย ร้านเปิด สิบโมง ปิด สองทุ่ม ก็ใช้ชีวิตแม่ค้า พ่อค้ากันแบบสบายๆ  ของอยู่ในตู้เย็น มาถึงก็ทำได้เลย  ไม่ต้องตื่นไปจ่ายของแต่เช้า  ผมเองจะมีหน้าที่ เปิดร้าน  ซื้อของ  โอนเงินจ่ายค่าสินค้า ที่เป็นออเดอร์ อย่างแป้ง  ชีท เสร็จภารกิจช่วงเช้า ก็หมดหน้าที่เราแล้ว













         ผมเข้านั่งโต๊ะข่าว  เปิดช่องทางการสื่อสาร กับเครือข่าย เผื่อมีข่าวเข้ามาก็จะได้อัพเดท ขึ้นเว็บไซต์  ขึ้นบล็อก ตามแต่จะเลือกเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสาร ด้านประชาสัมพันธ์ ถ้าถามว่า เป็นนักข่าวดีไหม  บางครั้งหลายคนก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ เพราะชีวิตนักข่าว ใส้แห้ง  ไม่มีสตางค์  ยิ่งเป็นนักข่าวท้องถิ่น ก็ยิ่งลำบาก  ต้องไปเที่ยวหาสปอนเซอร์  ถึงจะได้ค่าคอมมิชชั่น ตอบแทน ประมาณ 30 เปอร์เซ็น มีคนลงโฆษณา มา 2000 บาท ได้ 600 บาท ต้องบอกว่า จนกันจริงๆ เพราะโฆษณา ปัจจุบันก็หายาก  แต่สำหรับตัวผมเอง กลับรู้สึกดีกับการได้เป็นนักข่าวท้องถิ่น  หนังสือพิมพ์พลังชน ที่สังกัดอยู่ เป็นยักษ์ใหญ่ภูธร  อยู่มาเกือบสี่สิบปี อยู่ตัวแล้ว โฆษณามีมากและเป็นรายใหญ่ๆ  เรียกกันว่า สนับสนุนจนกว่าจะเลิกทำหนังสือพิมพ์  สำหรับเว็บไซต์ข่าว ก็มีรายจ่ายไม่มากนัก พอรับได้ บล็อกข่าวของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอื่นๆ ก็มีรายจ่ายไม่มาก และที่สำคัญ  ตัวผมเองก็ไม่ได้ต้องการรายได้ จากการเป็นนักข่าว เพื่อมายังชีพ เราเป็นเพื่อต้องการ ทำหน้าที่นักข่าว นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์ ต่อสาธารณะชน จึงรู้สึกสบายๆ กับอาชีพนักข่าว ที่ทำอยู่

     
 








          สำหรับวันเกิด ปีนี้  ต้องขอขอบพระคุณ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี  ที่ส่งข้อความมาอวยพรวันเกิด ให้ ท่านนายอำเภอวัดสิงห์ จ.ชัยนาท นายเสกสรร ถนอมกิตติ และ  เพื่อนพ้องน้องพี่  ที่รักใคร่นับถือ เกื้อกูลกันมา ทุกๆปี   คุณแม่โทรมาตอนเจ็ดโมงกว่า  มาอวยพรวันเกิดให้ลูกชาย ถามว่าไปใส่บาตรมาหรือเปล่า   ประมาณแปดโมงเศษ สายธาร ชูวงษ์ เพื่อนรัก โทรมาอวยพรวันเกิด  พอถึงที่ร้าน เปิด Face Book เปิด Line  ก็พบคำพรอีกมากมาย  ต้องขอขอบคุณทุกท่านจริงๆ  ผมเองมีกำลังใจ ในการทำงาน อยู่ได้ทุกวันนี้ ก็ได้ทุกท่าน เป็นกำลังใจ มาให้กันโดยตลอด  


            บางครั้ง คนเราก็ไม่ต้องการอะไรมากมาย นอกจากกำลังใจ ที่มีให้ต่อกัน  ต้องขอขอบคุณจริงๆ สำหรับทุกคำอวยพร ขอให้พร อันประเสริฐ จงย้อนกลับไปสู่ท่านและครอบครัว ขอให้พบแต่ความสุข ความเจริญ พบกัลยาณมิตร มากมาย ทุกท่านครับ  























 เรวัติ  น้อยวิจิตร   1 เมษายน 2559
                          

ไม่มีความคิดเห็น: