วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

สระบุรี ชาวบ้านแห่ ให้กำลังใจ “เสธฯ มือปราบรุกป่าฯ หลังถูก เด้งฟ้าผ่า



ชาวบ้านแห่ ให้กำลังใจ “เสธฯ มือปราบรุกป่า เมืองสระบุรี” เหตุถูก เด้งฟ้าผ่า

             เครือข่ายต่อต้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดสระบุรีหลังทราบข่าว พ.อ.พงษ์ศิลป์ เสธฯกอ.รมน.สระบุรี มือปราบรุกป่าถูกเด้งเข้ากรุผิดฤดูกาล ชักชวนกันไม่ได้นัดหมาย เข้าให้กำลังใจ หลายหน่วยงานที่เคยร่วมงานส่งหนังสือต้านการย้าย.เหตุงานปราบปรามสะดุด กลุ่มนายทุนรุกป่า เหิมแน่




             เมื่อ วันที่ 10 ก.ย.57 เวลา 14.30 น. ชาวบ้านจาก ต.ลำพญากลาง และ ต.ลำสมพุง อ.มวกเหล็ก และเครือข่าย ชรบ.อำเภอหนองแซง ผู้นำชุมชน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี กว่า 100 คน ได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรม (ชั้น 3) ศาลากลาง จ.สระบุรี เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเพื่อให้กำลังใจและขอความเป็นธรรมกรณีที่มีคำสั่งย้ายด่วน พ.อ.พงษ์ศิลป์ สถิตย์ขราณี หัวหน้ากลุ่มงานข่าว กอ.รมน. จ.สระบุรี เข้าช่วยราชการสำนักงาน สธ.กอ.รมน.ภาค 1 ซึ่งมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 กันยายน 2557 ถึง 30 กันยายน 2557 นี้




           โดยนางกานดา ใจพินิจ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 18 ต.ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก แกนนำชาวบ้าน เปิดเผยว่าหลังชาวบ้านทราบข่าวคำสั่งย้ายด่วนที่เห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติในห้วงการโยกย้าย จึงพากัน รู้สึกไม่สบายใจเนื่องจาก พ.อ.พงษ์ศิลป์ สถิตย์ขราณี ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านและเครือข่ายต่อต้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และให้คำปรึกษาด้านกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้มีกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพลเข้าไปบุกรุกทำลายป่าในเขตพื้นที่ จ.สระบุรี ในหลายแห่ง ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานของ พ.อ.พงษ์ศิลป์ฯ อาจส่งผลกระทบให้กับบุคคลกลุ่มนายทุน และกลุ่มคนมีสี และสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ได้รับการดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้กลุ่มบุคคลเหล่านั้นหาทางโยกย้าย พ.อ.พงษ์ศิลป์ ออกนอกพื้นที่ วันนี้ จึงชักชวนกันเดินทางมายื่นหนังสือให้ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอความเป็นธรรมและมอบดอกไม้ให้กับลังใจพ.อ.พงษ์ศิลป์ฯ




              นางกานดากล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากลุ่มแกนนำชาวบ้านถูกข่มขู่คุกคามมาโดยตลอด ชาวบ้านไม่มีความรู้ ไม่มีอำนาจ จึงได้พากันเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือความปลอดภัยและอื่นๆ จาก พ.อ.พงษ์ศิลป์ มาโดยตลอด ท่านเป็นคนทำงาน มีผลงานช่วยเหลือชาวบ้านเมื่อถูกคำสั่งโยกย้ายจึงรู้สึกไม่สบายใจและขอให้ผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาคำสั่งดังกล่าวด้วย


              จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้นำช่อดอกไม้ให้กำลังใจกับ พ.อ.พงษ์ศิลป์ฯ ณ.ห้องทำงานบนศาลากลาง จ.สระบุรี ซึ่ง พ.อ.พงษ์ศิลป์ ได้ กล่าวขอบคุณ และกล่าวกับชาวบ้านว่า ตนคงทำได้แค่นี้ อย่างไรก็ตามต้องฝากชาวบ้านให้เป็นพลัง ให้ช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ช่วยแจ้งข่าวหรือเบาะแสให้ทางการได้ทราบต่อไปด้วย แม้ตนจะไปแล้วก็จะมีคนอื่นมาทำต่อ ซึ่งตนเองเป็นทหารต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และเชื่อว่าคนที่ทำงานช่วยเหลือชาวบ้านได้ยังมีอีกหลายคน และป่าไม้ ผืนแผ่นดินเป็นของคนส่วนรวม คนที่มีเงินมีอำนาจควรหยุดไม่ควรนำมาเป็นของส่วนตัวหากเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และให้กำลังใจชาวบ้านทุกคน



             โดย พ.อ.พงษ์ศิลป์ สถิตย์ขราณี เปิดเผยความในใจกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า เป็นธรรมดาของชีวิตรับราชการ เมื่อผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ กอ.รมน. ภาค1 จึงต้องปฏิบัติตาม ส่วนมูลเหตุที่ถูกย้ายไม่น่าจะมีเรื่องอื่น เป็นเรื่องการทำงานที่ผ่านๆมาซึ่งตนเองทำงานตรงไปตรงมาผิดคือผิด ไม่ได้นึกถึงว่าจะไปกระทบหรือทำให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะการตรวจและบุกจับการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยหลังจากผู้บังคับบัญชาให้นโยบายมาก็ทำงานอย่างเต็มที่กับลูกน้อง ซึ่งเรื่องป่าไม้และความมั่นคงของประเทศนั้นเป็นนโยบายของ คสช. ที่ทุกหน่วยงานต้องเร่งปฏิบัติ และทุกเรื่องกำลังมีการดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ล้วนเป็นเรื่องการจับกุมผู้ทำผิดกฎหมายทำลายทรัพยากรธรรมชาติทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ตนเองเคยถูกเตือนเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ว่า “ที่ สระบุรีไม่มีหรอกสีขาว มีแต่ดำกับเทาเท่านั้น” แต่ตนถือว่าหากตนไม่ทำแล้วใครจะทำ เมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำไปตามหน้าที่และสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากผิดกฎหมายตนเองคงยอมไม่ได้

             สำหรับพ.อ.พงษ์ศิลป์ สถิตย์ขราณี หัวหน้ากลุ่มงานข่าว สำนักงาน กอ.รมน. จ.สระบุรี หลังเข้ารับตำแหน่งทำหน้าที่ ก็ได้ดำเนินการสร้างมวลชนด้านการข่าวกับกลุ่มผู้นำชุมชน ชาวบ้านและแกนนำเครือข่ายต่อต้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเข้าไปดูแลคุ้มครองและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ชาวบ้านที่ต่อสู้กับอิทธิพลซึ่งมีทั้งกลุ่มนายทุน นักการเมือง อดีตข้าราชการและกลุ่มบุคคลมีสีหลายกลุ่ม ทั้งทางด้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ตัดไม้ งานด้านความมั่นคงและงานยาเสพติด จนได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านแจ้งเบาะแสมาอย่างต่อเนื่อง และหากชาวบ้านได้รับการข่มขู่กับจะเข้าไปดุแลความปลอดภัยและให้คำแนะนำด้านกฎหมาย ล่าสุดมีการบุกจับกุมกลุ่มอิทธิพลและกลุ่มคนอดีตคนมีสีนอกราชการรายใหญ่ที่มีการจับกุมดำเนินคดีสั่งปิดกิจการแล้ว ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็กเขตติดต่อกับ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่มีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข่าวสามมิติ ที่เกาะติดเรื่องมานี้มาโดยตลอด แต่กลุ่มนายทุนดังกล่าวยังกลับเข้าทำธุรกิจต่อ เมื่อชาวบ้านแจ้งให้พ.อ.พงษ์ศิลป์ฯทราบ จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีต่ออีก โดยชาวบ้านเชื่อว่าอาจเป็นสาเหตุทำให้กลุ่มนายทุนดังกล่าวไม่พอใจ กระทั่งมาถูกคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักงาน สธ.กอ.รมน.ภาค 1 ซึ่งมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 กันยายน 2557 ถึง 30 กันยายน 2557 นี้




           ขณะที่ทางด้านนางแก้วเรือน ศรีบุตร เจ้าพนักงานปกครอง ชำนาญการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ดำรงธรรม จ.สระบุรี หลังรับหนังสือขอความเป็นธรรมและคัดค้านที่มีคำสั่งย้ายพ.อ.พงษ์ศิลป์ สถิตย์ขราณี หน.กลุ่มงานข่าว กอ.รมน. จ.สระบุรี แล้ว ได้กล่าวว่า เนื่องจากวันนี้ ( 10 ก.ย.57) นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ติดราชการนอกพื้นที่ และตนเองจะรีบนำหนังสือรายงานทันที และหลังจากนั้นภายใน 3 วันทำการหลังตรวจสอบข้อเรียกร้องต่างๆแล้วจะแจ้งให้ชาวบ้านทราบต่อไป



(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว) 

ไม่มีความคิดเห็น: