วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเล่า พระมหากรุณา..กับคุณพระเศวตสุรคชาธารฯ ช้างเผือกคู่พระบารมี



            พระเศวตสุรคชาธารฯ หรือคุณพระเศวตเล็ก ถูกพบโดยนายเจ๊ะเฮง หะระตี กำนันตำบลการอ จว.ยะลา โดยโขลงช้างเดินทางเข้ามาใกล้หมู่บ้านในเวลากลางคืน พอตอนเช้าก็พบเห็นลูกช้างพลัดฝูงอยู่ใต้ถุนบ้าน

             สันนิษฐานว่าแม่ช้างจะรู้ว่าลูกช้างตัวนี้เป็นช้างสำคัญ และนำมาส่งที่หมู่บ้าน เพื่อเข้ามาสู่พระบารมี ตั้งแต่ยังไม่หย่านม




             (พระเศวตสุรคชาธาร หรือ พระเศวตฯ เล็ก)

             พระเศวตสุรคชาธาร เคยเป็นพระสหายในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อยังทรงพระเยาว์ และได้ตามเสด็จราชดำเนินแปรพระราชฐานไปยังวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อยู่เสมอ

             แต่วันนี้ขอนำเรื่องของ "คุณพระเศวตฯ เล็ก กับ นางเบี้ยว หมาของคุณพระ" ซึ่งเป็นเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งของท่าน คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของช้างคู่พระบารมี

             เมื่อคุณพระเศวตฯ ยังเป็นลูกช้างเล็กๆ อยู่ที่บ้านกำนันในจังหวัดยะลาและยังไม่ได้ถวายตัวขึ้นระวางนั้น ปรากฏว่า นางเบี้ยวเป็นโรคอย่างหนักขนาดชักกระตุกไปทั้งตัว แทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว แต่ก็สู้อุตส่าห์กระเสือกกระสนคลานมาถึงที่คุณพระเศวตฯอยู่ และเลียกินน้ำอาบของคุณพระเศวตฯเข้าไป อาการป่วยทั้งปวงก็หายเป็นปกติ เดินเหินได้ตามเดิม รอดชีวิตมาได้ เว้นแต่ปากที่ยังเบี้ยวอยู่

             นางเบี้ยวก็กตัญญูรู้คุณติดตามคุณพระเศวตฯ เรื่อยมาไม่ยอมห่าง คุณพระก็เมตตาเอ็นดูนางเบี้ยว ถือว่านางเบี้ยวเป็นหมาของคุณพระ

             เมื่อถึงคราวที่คุณพระเศวตฯ จะต้องเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ เพราะเป็นช้างต้นขึ้นระวางแล้ว ทั้งคุณพระเศวตฯ และนางเบี้ยวก็ทุรนทุรายเดือดร้อนมาก นางเบี้ยวร้องทั้งกลางวันและกลางคืน จะตามคุณพระมาด้วย

              เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงมีพระราชกระแสว่า "ช้างทั้งตัวยังเอาไปได้ ทำไมหมาอีกตัวเดียวจะเอาไปไม่ได้ ให้เอาหมาไปด้วยเถิด สงสารมัน อย่าไปพรากมันเลย"





               นางเบี้ยวติดตามเข้ามาอยู่กับคุณพระเศวตฯ เล็กในสวนจิตรลดาด้วย และเป็นที่รักชอบของคนในวัง เมื่อเข้ามาอยู่ในรั้วในวังก็เลื่อนฐานะขึ้นเป็นแม่เบี้ยว บางคนเรียกคุณเบี้ยวด้วยซ้ำไป และได้ออกลูกออกหลานไว้ที่โรงช้างนั้นเป็นจำนวนมากมาย ....... แม่เบี้ยวตายไปหลายปีแล้ว แต่คุณพระเศวตฯ ก็ยังเลี้ยงลูกหลานแม่เบี้ยวสืบมา เวลาคุณพระเศวตฯ ออกเดินในสวนจิตรลดา หมาคุณพระทั้งปวงก็วิ่งตามเป็นฝูงและเชื่อฟังคุณพระทุกอย่าง

               เมื่อครั้งพระนางเจ้าอลิซาเบธแห่งกรุงอังกฤษเสด็จพระราชดำเนินที่พระตำหนักจิตรลดา คุณพระเศวตฯ ก็มายืนคอยรับเสด็จ หมาทั้งปวงของคุณพระก็มาวิ่งเล่นกันอยู่เต็มสนาม

                ผมบังเอิญไปเห็นเข้า ก็เข้าไปกระซิบคุณพระ ว่า หมากระจัดกระจายเต็มทีแล้ว คุณพระได้ยินดังนั้น ก็ร้องเหมือนเสียงแตร หมาทั้งปวงก็วิ่งกลับมารวมกันอยู่บริเวณต้นไม้ใกล้ๆ คุณพระไม่ซุกซนต่อไป

                มีอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งคุณพระออกจะรักมาก วิ่งเข้ามาอยู่ใต้ท้องคุณพระ อาศัยคุณพระเป็นเงาบังร่ม ควาญเล่าว่า เวลากลางคืน หมาหลายสิบตัวเหล่านี้จะนอนแวดล้อมคุณพระ ใครเดินเข้าไปในเวลากลางคืนก็จะเห่าขึ้นพร้อมกัน และถ้าใครขืนเดินตรงไปถึงตัวคุณพระก็คงโดนหมารุมกัดตาย

                 คุณพระเศวตฯเล็ก มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างน่าอัศจรรย์ แลเห็นพระองค์ต้องยกงวงขึ้นจบถวายบังคมทุกครั้ง โดยไม่ต้องมีใครบอก และถ้าเสด็จพระราชดำเนินลงไปเยี่ยมที่โรงช้าง คุณพระก็จะเฝ้าฯไปและถวายบังคมไปเป็นระยะไม่มีขาด

                 จนพระกรุณาตรัสว่า ไม่ต้องถวายบังคมบ่อยถึงเพียงนั้น คุณพระจึงจะหยุดถวายบังคม

                  เรื่องโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ประพันธ์ "ช้างในชีวิตของผม"


เรวัติ  น้อยวิจิตร  นสพ.พลังชน  rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

ไม่มีความคิดเห็น: