วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สมุทรสาคร แถลงข่าวจับกุม “เสี่ยอู๋ ” ผู้ต้องหาร่วมเครือข่าย “ เดอะกิ๊ก ” หมิ่นสถาบัน




              ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรเมืองสมุทรสาคร ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาที่แอบอ้างเบื้องสูงเพื่อกระทำความผิด โดยมีการนำตัวนายชัยยา หรือ อู๋ กาญจนรัตนพงศ์ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 49/2558 ลงวันที่ 30 มกราคม 2558 ในฐานความผิด ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร รัชทายาท  มาแถลงผลต่อสื่อมวลชน




               พร้อมกันนี้ยังได้มีการออกหมายจับนายณัฐพล หรือ กอล์ฟ อัครพงศ์ปรีชา หรือ สุวะดี อาย 29 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 48/2558 ลงวันที่ 30 มกราคม 2558 ในฐานความผิดเดียวกัน
               พ.ต.อ.ชัยยุทธ ถมยา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อวันที่ 30 มกราคม 30 ม.ค. 58 ทางเครือข่ายและแกนนำต่อต้านถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาคร ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐพล สุวะดี เนื่องจากมีการข่มขู่ให้เกิดความกลัวและให้มีการยุติการชุมนุมเพื่อต่อต้านการนำเข้าถ่านหินนั้น

               ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาครและกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกันสืบสวนจนกระทั่งได้ความชัดเจน ก่อนขอหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 49/2558 ลงวันที่ 30 มกราคม 2558 ไปทำการจับกุมตัวนายชัยยา หรือ อู๋ กาญจนรัตนพงศ์ ได้ที่บริเวณหน้าร้านอาหารต้นเตย ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และได้นำตัวมาสอบสวน
เบื้องต้นนายชัยยา ยังคงให้การภาคเสธ โดยกล่าวยอมรับเพียงแค่ว่า ตนเองเป็นบุคคลในภาพตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาแสดงจริง และเคยเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเบญจภาคีของจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อชี้แจงต่อที่ประชุมแทนนายณัฐพลฯ ถึงวัตถุประสงค์ที่จะเข้ามาบริหารท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหิน ภายใต้ชื่อท่าเรือ อัคร แทนชื่อเดิมคือท่าเรือเซ็นจูรี่ เท่านั้น



             ขณะที่ทางด้านของ พ.ต.อ.ชัยยุทธ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า นายชัยยา นั้น มีความผูกพันกับ นายณัฐพล สุวะดี ผู้ต้องหาอีกคนที่ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานานหลายสิบปีแล้ว และจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ซึ่งนายชัยยา เป็นเสมือนพี่เลี้ยงของนายณัฐพล
ส่วนการพัวพันกับคดีถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาครนั้น ก็เริ่มมาจากการที่ นายสมเกียรติ กิจพ่อค้า เจ้าของท่าเทียบเรือเซ็นจูรี่ ได้ไปพูดให้นายปัญญา สร้อยพวง คนทำกรงสัตว์ที่บ้านนายณัฐพลฟังว่า ธุรกิจกำลังมีปัญหาเพราะไม่สามารถนำถ่านหินเข้ามาทางเรือได้ ตามคำสั่งระงับฯ ของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งนายปัญญา ก็ไปเล่าให้นายณัฐพล ฟัง ทำให้นายณัฐพล เกิดลู่ทางที่คิดจะทำมาหากินจากการขนถ่ายถ่านหิน จึงมีการปรึกษากับนายชัยยา และมอบหมายให้นายชัยยา เรียกตัวนายชาญชัย รุ่งโรจน์สาคร กับพวกแกนนำต่อต้านถ่านหินให้ไปพบที่วังย่านถนนอักษะ

             อีกทั้งยังกล่าวว่าตนเองเป็นลูกของท่านแม่ ทำให้แกนนำต่อต้านถ่านหินเกิดความกลัวและไม่กล้าที่จะต่อต้านใดๆ เสร็จแล้วก็ติดต่อให้นายสมเกียรต กิจพ่อค้า มาพูดคุยกันถึงการทำธุรกิจถ่านหิน ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเบญจภาคี ( คณะกรรมการผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือระงับการขนถ่ายถ่านหิน จ.สมุทรสาคร ) ขณะนั้นโดยประกอบไปด้วยตัวแทนจาก ภาคส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มเครือข่ายต่อต้านถ่านหิน ผู้ประกอบการ และ สื่อมวลชน เพื่อชี้แจงถึงการเข้ามาบริหารงานท่าเทียบเรือเซ็นจูรี่ ที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นท่าเรืออัคร ( โดยทราบต่อมาภายหลังว่ายังไม่ได้มีการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย)



            ซึ่งในที่ประชุมก็ยังไม่พิจารณาอนุมัติโดยได้ขอให้กลับไปทำรายละเอียดมาให้ชัดเจนกว่าเดิม แล้วค่อยพิจารณากันใหม่อีกครั้ง โดยเบื้องต้นนั้น นายณัฐพลฯ ได้เรียกเงินค่าช่วยเหลือดำเนินการให้ได้รับอนุญาตขนถ่านหินเป็นเงิน 1.4 ล้านบาท จากผู้ประกอบการท่าเทียบเรือถ่านหิน เพื่อเป็นค่านกแก้วมาร์คอร์สีน้ำเงิน 1 คู่ก่อน จากนั้นหากงานสำเร็จก็จะขอส่วนแบ่งกำไรจากถ่านหินที่ผู้ประกอบการจะได้ตันละ 12 บาท ต้องแบ่งมาให้นายณัฐพลฯ ตันละ 7 บาท ซึ่งถ้ามีการอนุญาตให้นำเข้าได้นั้นใน 1 สัปดาห์จะมีถ่านหินมาขึ้นที่ท่าเทียบเรือเซ็นจูรี่ประมาณ 4 หมื่นตัน เฉลี่ยแล้วในแต่ละเดือน นายณัฐพลฯ จะได้เงินจากส่วนแบ่งของการนำเข้าถ่านหินมาขึ้นที่ท่าเทียบเรือฯ ประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ซึ่งทางเจ้าของท่าเทียบเรือเห็นว่า ตนเองถูกเอาเปรียบจึงขอยกเลิกสัญญา และยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อ จนกระทั่งนายณัฐพลฯ ถูกจับกุมตัวเสียก่อน

            สำหรับนายชัยยา กาญจนรัตนพงศ์ นั้น ก็จะได้ส่งตัวไปคุมขังที่ศาลจังหวัดสมุทรสาครตามระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนนายณัฐพล สุวะดีนั้น จะได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมและอายัดตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




                     ยุทธนัย  อังกิตานนท์  บรรณาธิการ  นสพ.เสียงประชา  ข่าว
 เรวัติ   น้อยวิจิตร  Hub Admin  rewat.noyvijit@hotmail.com   08-1910-7445

ไม่มีความคิดเห็น: